แม้เราจะมองไม่เห็น แต่เรานวดได้ เราจับเส้นถูก เพราะมองไม่เห็นจึงต้องใช้ประสาทสัมผัสมากกว่าคนปกติ กว่าจะได้มานวดจริงๆใช้เวลาเรียนนาน ต้องสอบเอาใบประกอบวิชาชีพด้วย แต่ดีนะ เพราะเราได้ช่วยคนอื่นให้หายปวดเมื่อย
“เราได้มีโอกาสเข้าสู่สังคมอีกแบบนึง ที่เราไม่เคยได้รู้จัก เราได้สัมผัสชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย”แม้ดวงตาจะมองไม่เห็นแต่สองมือของกบได้นวดผ่อนคลายความปวดหล้าของผู้คนมาตลอด 20 ปี กบจบจากศูนย์ฝีกอาชีพตาบอดสามพราน และต่อยอดความรู้ของเธอกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในหลักสูตรนวด ความพยายามกว่า 500 ชั่วโมงที่เธอฝึกเรียนทำให้เธอได้รับใบประกอบโรคศิลป์สาขาการแพทย์แผนไทย ซึ่งปัจจุบันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นใบประกอบวิชาชีพ 20 ปีที่ผ่านมา เธอมีรายได้จากการเฝ้ารอลูกค้ามาใช้บริการ รายได้ก็ไม่แน่นอน แต่ปีที่ผ่านมาเธอได้มีโอกาสในการส่งเสริมอาชีพภายใต้มาตรา 35 ที่มูลนิธินวัตกรรมทางสังคมช่วยเชื่อมประสานให้ ตอนนี้กบได้ถ่ายทอดความรู้สึกให้เราได้ฟังว่า “ ก่อนหน้านี้กบเป็นหมอนวด รายได้ก็ไม่แน่นอน แต่ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายออกไปมีแน่นอนทุกๆเดือน ทำให้ชีวิตรู้สึกว่าไม่มั่นคง แต่พอได้เข้ามาร่วมโครงการโดยการจ้างเหมาบริการของ บริษัท DKSH ซึ่งกบและเพื่อนๆเป็นรุ่นบุกเบิกด้วยนะ มันทำให้กบมีรายได้เพิ่ม รู้สึกถึงความมั่นคงขึ้น เพื่อนๆของกบก็ดีใจและชื่นชอบกับการได้รับโอกาสนี้ ความประทับใจจากลูกค้าที่เป็นพนักงานในบริษัทที่สะท้อนว่าดีจัง นวดสบาย เมื่อก่อนกลัวไม่กล้านวด แต่วันนี้ชอบมาก มันเป็นเสียงที่ทำให้กบและเพื่อนๆรู้สึกมีความสุข ของแถมอีกอันที่เธอเล่าด้วยความสุข เธอบอกว่า บริษัทมีใบเสนอข้อคิดเห็นจากผู้ใช้บริการ(พนักงานบริษัท) หลายเสียงบอกว่า ปีหน้า ขอแบบนี้อีกนะ” มันทำให้เธอรู้สึกดีใจและมีความสุขมาก เหนือสิ่งอื่นใด กบเล่าว่า มันไม่ใช่แค่มีรายได้ การได้เข้ามาทำงานนวดในบริษัท มันเปิดโลกใหม่ๆของเรา การได้เดินเข้าไปในบริษัท ซึ่งถ้าไม่ใช่งานนี้เราคงไม่มีโอกาสได้เข้าไป เราได้มีโอกาสเข้าสู่สังคมอีกแบบนึงที่เราไม่เคยรู้จัก เราได้สัมผัสชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย งานทำให้เธอไปสู่สังคมที่เปิดกว้าง